วันนี้เริ่มต้นวันดีๆด้วยกิจกรรมจิตศึกษาที่เกี่ยวกับการแปลงร่าง เริ่มต้นการแปลงร่างตั้งแต่ต้นหญ้าบนพื้นดิน ไปจนถึง ดาวอังคารบนท้องฟ้า ด้วยกิจกรรมจิตศึกษาที่มีความราบรื่น ทำให้การควบคุมชั้นเรียนวันนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น มากกว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเหมือนเป็นข้อพิสูจน์ว่าผลของการทำจิตศึกษา จะส่งผลต่อการเรียนในวันนั้นๆ หลังจากที่ได้ดูกิจกรรมจิตศึกษาในวันนี้ทำให้นึกถึงเพื่อที่ไปฝึกสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง พวกเขาต้องการจัดกิจกรรมจิตศึกษาที่ไม่ได้ใช้กระดาษ จึงได้นำกิจกรรมนี้ไปแนะนำ ให้ลองทำดู รวมทั้งอีกหลายกิจกรรมที่เราควรจะแบ่งปันกันไป
วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2559
ความพิเศษของวันนี้ คือ ในช่วงของกิจกรรมจิตศึกษา มีคุณครูจากโครงการงอกนอกกะลา ที่มาเรียนรู้เพิ่มเติม ได้ลองทำกิจกรรมจิตศึกษา ซึ่งกิจกรรมที่คุณครูเลือกมาเป็นการต่อเติมรูปเรขาคณิต และร่วมแลกเปลี่ยนว่ารูปที่นักเรียนทุกคนร่วมกันต่อเติมเป็นรูป อะไร บางคนก็บอกว่ารูปหลังคา บางคนบอกว่า เหมือนไก่ เหมือนเป็ด เหมือนนก แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน รายละเอียดกิจกรรมเหมือนจะเยอะ แต่สามารถเสร็จทันเวลาพอดี จัดเต็มทั้งขั้นเตรียมและขั้นจบ ช่วงเวลาที่คุณครูพูดกิจกรรมทุกอย่างทำให้รู้สึกว่า คุณครูน่าจะซ้อมพูดโดยใช้เวลาพอสมควร และนักเรียนชั้น ป.6 ก็ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมเป็นอย่างดี หลังจากที่คุณครูประจำชั้นติดภารกิจหลายวันแล้วมีความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น วันนี้ก็ยังเกิดขึ้นอยู่ หลายๆคนดูแลตัวเองไม่ได้ เวลาเรียนก็ชวนเพื่อนเล่นจนเกือบจะเป็นเรื่องราวกันจริงจัง ในตอนเย็นจึงมีการพูดคุย ซึ่งมีหลายคนที่รู้ตัว และพูดความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตนเอง พวกเขาสามารถเปิดใจพูด การแสดงออกเหล่านี้ของนักเรียนก็ทำให้เห็นอีกมิติหนึ่ง และยังเรียนรู้ในการเข้าหาพวกเขา เพื่อให้เกิดความสบายใจ และสามารถชี้นำได้
วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2559
ช่วงบ่ายวันนี้ในช่วงกิจกรรมชุมนุม จึงเลือกกิจกรรมทำเรือสปีดโบ๊ท มาให้นักเรียนได้ลองทำ หลายคนตั้งใจ บางคนก็เล่นเยอะ มีทั้งบรรยากาศของความสนุกและความชุลมุนวุ่นวายไปพร้อมกัน เวลาสนุก ก็มักจะเก็บความรู้ที่สอดแทรกและตกหล่นให้พวกเขาไม่ค่อยได้ แต่แนวทางของกิจกรรมอย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็สามารถคิดแก้ปัญหาได้
วันพฤหัสบดีที่
14 กรกฎาคม 2559
“การพูดคุยทำให้เกิดความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น”
วันนี้ได้นำเสนองานวิจัยที่เป็นความคืบหน้าที่จะได้ลงมือทำแล้ว
เอาไปปรึกษาคุณครูเป็นรอบที่ 2 ซึ่งมีความล่าช้าพอสมควร
ก็ใช้เวลาคุยกันอยู่นานพอสมควรซึ่งทำให้ได้อะไรหลายๆอย่างเพราะได้คุยหลายเรื่องด้วยเกี่ยวกับนักเรียน
ซึ่งในแต่ละครั้งที่พูดคุยกันแบบคนจริง เข้าถึง จะทำให้ได้รับข้อปรับปรุงแก้ไขที่สามารถนำมาปรับตนเองได้
การเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ดีขึ้นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว
ควรจะเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับและนำไปใช้จริง ในเรื่องคำพูด
คำพูดแต่ละคำมีความสำคัญเมื่อไหร่ที่คิดจะพูดต้องรู้เท่าทันคำพูด คิดให้ดีๆก่อนพูด
เพราะสิ่งที่เราต้องการสื่ออาจจะผิดพลาดไปได้ถ้านำไปใช้ผิดเวลา เพราะฉะนั้นคำพูดที่ดี
ก็คือ คำพูดที่ถูกเวลาและสถานที่ จึงจะเกิดผลดีเมื่อสื่อสารออกมา ในการประชุมวันนี้
ได้รับรู้ผลการเปลี่ยนแปลงใน Quarter 2
ซึ่งจะต้องไปประจำอยู่ชั้นป.3 และสอน PBLด้วย ถือเป็นประสบการณ์ใหม่อีกขั้นหนึ่ง
วันศุกร์ที่
15
กรกฎาคม 2559
กิจกรรมจิตศึกษาวันนี้เริ่มตันวันดีๆด้วยเรื่องเล่าจากพ่อแม่
หรือมีชื่อกิจกรรมที่เรียกว่า พ่อแม่อยากเล่า
ในวันนี้แม่ของพี่นุ่นและยายของพี่การ์ฟิวส์ได้มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับเส้นไหม
ซึ่งคุณแม่ได้นำเส้นไหมที่ได้จากการเลี้ยงตัวไหมและผ้าที่ได้จากการทอเส้นไหมมาให้ดูด้วยจึงได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เลี้ยงไหมกันได้รับทั้งความรู้และเรียนรู้วิถีชีวิตด้านศิลปะการแต่งกายของคนสมัยก่อนซึ่งกว่าจะได้เครื่องแต่งกายแต่ละชิ้นต้องใช้น้ำพักน้ำแรงของตัวเองมากเท่าไหร่
อะไรที่เราได้ลงมือทำด้วยตัวเองจึงดูมีคุณค่า นอกจากมีเรื่องเล่าแล้ววันนี้ก็มีกิจกรรมผู้ปกครองอาสาต่อเลย
รูปแบบกิจกรรมวันนี้เป็นการทำลอดช่องสิงคโปร์สีสันสดใสใช้สีที่มาจากธรรมชาติ สีฟ้าครามจากดอกอัญชัน
สีเขียวจากใบเตยได้ทั้งกลิ่นหอมชวนรับประทานด้วย กะทิก็คั้นเองสดใหม่ พี่ป.6ทั้งสนุกที่ได้ช่วยคุณแม่ ทั้งได้เรียนรู้อาหารประเภทเส้นไปด้วย
ของหวานมีปริมาณเยอะพอสมควรใช้เวลาทำตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงพักกลางวัน
ได้ลงมือทำกันทุกคน
อย่างน้อยๆทุกคนก็ได้ช่วยตัดแป้งให้เป็นเส้นแต่ก็จะมีช่วงที่ไม่ต้องใช้คนเยอะอย่างเช่นช่วงต้มก็จะมีคนที่ว่างก็จะเดินไปเดินมาวุ่นวายและยิ่งน้ำอัญชันกับน้ำใบเตยที่เหลือจากการนำไปผสมแป้งของคุณแม่
เด็กๆก็เอามากิน แค่นั้นยังไม่พอยังจะเอาน้ำตาลใส่อีกแอบใส่ด้วยทั้งที่ห้ามกินน้ำหวาน
ก็เลยต้องชวนมานั่งคุยแต่วิธีเก็บเด็กไม่ว่าจะห้องไหนๆจะชอบมากถ้าเล่าเรื่องผี
แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีเรื่องผีมาเล่าและเวลาเล่าก็ไม่ค่อยอินไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไหร่
เดี๋ยวคราวหลังคิดว่าจะต้องหาเรื่องผีมาไว้เล่าเยอะๆเป็นเทคนิคการเก็บเด็กอีกอย่างหนึ่ง
วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 2559
การตื่นเช้าวันนี้ไม่มีปัญหาอะไร อาจเป็นเพราะต้องเดินทางไกลจึงต้องเตรียมความพร้อมให้มาก เริ่มเดินทางตั้งแต่หกโมงเช้า แต่เป็นเรื่องที่ดีที่สามารถทำภารกิจให้เสร็จก่อนเวลาเดินทาง ช่วงของการเดินทางมีความตื่นเต้น คนขับรถตู้ทั้งสองคัน เป็นคุณครูผู้หญิง แต่มีความชำนาญพอ ถึงจะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก แต่คุณครูมีแรงกายและแรงใจที่เต็มเปี่ยม ช่วยกันลุ้นและมีความตื่นเต้นในช่วงเดินทาง ตั้งแต่ช่วงเดินทางจนถึงปากช่อง ทุกช่วงเวลาคือการเรียนรู้ การทำงานเล็กๆน้อยๆทำให้เห็นทุกๆคนในหลายมิติ ทั้งด้านการคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดเชื่อมโยง คิดแบบมีเหตุผล เมื่อพูดถึงคนหรือมนุษย์นั้นต้องเรียนรู้กันไปไม่มีวันสิ้นสุด วันแรก เริ่มกิจกรรมการคิดด้วยบทความและตอบคำถามสำคัญที่ว่า ถ้าตกงาน ถ้าโดนไล่ออกพรุ่งนี้จะไปทำอะไร ซึ่งคำถามนี้ทำให้เห็นมุมมองของทุกๆคน ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปในมิติใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ได้กังวลกับการตกงาน เพราะงานมีหลากหลาย ทุกอย่างที่ทำแล้วชอบสามารถเป็นงานได้ ถ้าจะเดินทางไปด้วยทำงานไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าตัวเองตกงาน ก็จะเลือกทำงานเล็กๆน้อยๆอาจจะได้เงินไม่มากหรือไม่ได้เงินแต่อย่างน้อยก็ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แต่ในอนาคตก็อาจจะมีงานใหม่ที่เป็นที่นิยมเกิดขึ้นทั้งตอบโจทย์ความต้องการของคนที่ชอบทำงานและคนที่ชอบทำเงินก็เป็นได้ และสิ่งที่เห็นอีกอย่างคือไม่ว่าจะเกิดงานหรือกิจกรรมแบบไหนคนที่ต้องรับหน้าที่ทำอาหารมักจะเหนื่อยที่สุด ที่เราได้อิ่มท้องก็เพราะคนทำอาหาร จงบอกตัวเองให้ทำงานให้คุ้มค่าข้าวที่กินเข้าไป
วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2559
การเดินทางขึ้นเขาเพื่อเรียนรู้การขึ้นที่สูง และการรู้จักลงจากที่สูง ตลอดทางที่เดินขึ้นเขาก็รู้สึกสนุก ไม่ได้คิดอะไร เดินตามคนอื่นอย่างเดียว ที่ได้ลุ้นนิดหน่อยในใจก็แค่ว่าเรากำลังจะเดินไปที่ไหน แม้ไม่รู้แต่ก็ตั้งใจเดินและเรียนรู้สิ่งต่างๆระหว่างทาง ในความสวยงามของสิ่งมีชีวิต พอตอนลงจากเขา เป็นช่วงเวลาที่ได้ใช้ความคิดกับตัวเองมากที่สุด ขณะลงก็เดินตามคนอื่นลงมาเหมือนกัน พอเดินตามไม่ทันเพราะมัวแต่ถ่ายรูปต้นไม้ก็ต้องหาทางเดินเองแต่ฟังเสียงเพื่อนว่ามาจากทางไหนจึงเดินตามไป คราวนี้ไม่มีคนเดินนำหน้าก็เพิ่งเข้าใจว่าที่ผ่านมา เราเดินตามคนอื่นตลอดแต่พอต้องเดินเองก็พยายามหาช่องทาง ปรากฏว่าทางไหนก็เดินได้ ทางเดินที่มีลักษณะเป็นแนวยาวสามารถมองทะลุไปเห็นทางข้างหน้าแปลว่าเดินผ่านไปได้ ไปตามเสียงของคนที่ผ่านไปก่อน ซึ่งก็สามารถมาถึงจุดเริ่มต้นได้อย่างปลอดภัยพร้อมกับเพื่อนอีก 1 คน ในช่วงที่เดินตามคนอื่น ได้คิดกับตัวเองหลายอย่าง คิดเลยว่าต้องได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินเขาครั้งนี้แน่นอน ก็เลยลองคิดเรื่องราวตามที่ได้สัมผัสว่าควรจะเล่าอะไรบ้าง เรียบเรียงไว้ในหัวก่อน และช่วงที่เดินลงมารู้สึกว่ามีความลำบากกว่าตอนขึ้นซึ่งตอนที่ปีนขึ้นก็คิดไว้แล้วว่าถ้าต้องเดินกลับลงมาทางเดิมคงลำบากแต่อีกใจก็ลุ้นว่าอาจจะมีเส้นทางลงทางอื่น แต่แล้วพอตอนลงก็รู้แล้วว่าลงทางเดิมนั่นแหละ ซึ่งก็ทำให้ได้คิด ถ้าเปรียบการเดินเขากับชีวิตเรา ก็เหมือนการขึ้นไปที่สูงซึ่งยากมากแต่เมื่อขึ้นไปได้แล้วก็ต้องสามารถลงมาได้ คือตอนนั้นกำลังคิดว่า แม้คนเราจะมียศใหญ่โตแต่ก็ต้องไม่ลืมรากฐานเดิม มีลูกน้องเพื่อนร่วมงานที่เคยเคียงข้างกัน หลังจากที่ลงมาจากเขาก็ได้รับโจทย์ให้เขียนจดหมายถึงคนที่จับสลากได้เมื่อคืนและมอบเพลงให้คนนั้นในจดหมายด้วย และหัวใจสำคัญที่ได้เรียนรู้มากที่สุดคือการฝึกเขียน ฝึกถ่ายทอดคำพูดของตัวเองผ่านกิจกรรม Body scan ได้รับเทคนิคและขั้นตอนมากมายที่ต้องนำมาปรับใช้กับเด็กๆที่โรงเรียน และสามารถเขียนเป็นสคริปต์ถ่ายทอดให้ผู้อื่นสามารถนำไปปฏิบัติได้ สร้างการเรียนรู้ได้ไม่มีวันจบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น